วันนี้ (10 ก.ย.) เวลา 16.20 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการรับมอบเจตนารมณ์ และข้อเสนอของสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี 2553 ในการประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี 2553 ที่จัดโดยคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาครอบครัว ร่วมกับ สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กล่าวรายงานโดยสรุปว่า การจัดสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี 2553 เป็นการดำเนินงานภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมและประสานงานสถาบันครอบครัวแห่งชาติ พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาครอบครัว ดำเนินการจัดประชุมสมัชชาครอบครัวระดับจังหวัดและระดับชาติ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้การประชุมสมัชชาครอบครัวเป็นกระบวนการระดมความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแนวทางในการส่งเสริมและการประสานงานสถาบันครอบครัวต่อไป โดยในปี 2553 นี้การจัดสมัชชาครอบครัวได้กำหนดให้จัดเป็น 2 ระดับคือระดับจังหวัดและระดับชาติ ที่ประเด็นของการประชุมเป็นแบบเปิดกว้างตามบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่หลาก หลาย การประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติประจำปี 2553 ในวันนี้ผู้เข้าร่วมการประชุมมาจากทุกภาคส่วน ประกอบด้วยผู้แทนครอบครัว ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน องค์กรอิสระจาก 75 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร รวมจำนวน 600 คน ซึ่งกิจกรรมในการประชุมมีการจัดประชุมสมัชชาครอบครัวในประเด็นสำคัญของ สถานการณ์ครอบครัวไทยใน 5 ประเด็นคือ
นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กล่าวรายงานโดยสรุปว่า การจัดสมัชชาครอบครัวระดับชาติ ประจำปี 2553 เป็นการดำเนินงานภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมและประสานงานสถาบันครอบครัวแห่งชาติ พ.ศ. 2551 ที่กำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาครอบครัว ดำเนินการจัดประชุมสมัชชาครอบครัวระดับจังหวัดและระดับชาติ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้การประชุมสมัชชาครอบครัวเป็นกระบวนการระดมความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแนวทางในการส่งเสริมและการประสานงานสถาบันครอบครัวต่อไป โดยในปี 2553 นี้การจัดสมัชชาครอบครัวได้กำหนดให้จัดเป็น 2 ระดับคือระดับจังหวัดและระดับชาติ ที่ประเด็นของการประชุมเป็นแบบเปิดกว้างตามบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่หลาก หลาย การประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติประจำปี 2553 ในวันนี้ผู้เข้าร่วมการประชุมมาจากทุกภาคส่วน ประกอบด้วยผู้แทนครอบครัว ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน องค์กรอิสระจาก 75 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร รวมจำนวน 600 คน ซึ่งกิจกรรมในการประชุมมีการจัดประชุมสมัชชาครอบครัวในประเด็นสำคัญของ สถานการณ์ครอบครัวไทยใน 5 ประเด็นคือ
1. การส่งเสริมและพัฒนาเด็กในครอบครัวหลังการหย่าร้าง
2. การแก้ไขปัญหาพฤติกรรมความรุนแรงของนักเรียนโดยการมีส่วนร่วมของครอบครัว
3. เรื่องสวัสดิการครอบครัวที่มีเด็กพิการ
4. การเสริมศักยภาพผู้ดูแลเด็กและครอบครัวเพื่อความปลอดภัยของเด็กในชุมชน
5. การส่งเสริมสื่อเพื่อสร้างครอบครัวเข้มแข็ง โดยผลจากการประชุมได้นำมาจัดทำเป็นข้อสรุปมติการประชุมสมัชชาครอบครัวระดับ ชาติ ประจำปี 2553 เพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัว แห่งชาติ
จากนั้น ผู้แทนสมัชชาครอบครัวแห่งชาติ กล่าวข้อเสนอของสมัชชาครอบครัวแห่งชาติ ประจำปี 2553 ต่อนายกรัฐมนตรี
โอกาส นี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวรับเจตนารมณ์และข้อเสนอของสมัชชาครอบครัว ประจำปี 2553 สรุปสาระสำคัญว่า การจัดประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติหรือระดับจังหวัด มีเจตนารมณ์เพื่อให้เกิดการระดมความคิดเห็นและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่าง สร้างสรรค์ เพื่อจะนำไปสู่การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแนวทางในการส่งเสริม ประสานงานของสถาบันครอบครัว ซึ่งทุกวันนี้เชื่อมั่นว่าทุกคนในที่นี้ตระหนักอย่างดีว่า การนำพาสังคมไปสู่ความสงบสุข ความเสมอภาค ความเป็นธรรม การให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถาบันครอบครัวหากเป็นหน่วยที่มีความเข้มแข็งแล้ว จะเป็นเกราะป้องกันปัญหานานาชนิดในระดับของสังคมและประเทศชาติได้เป็นอย่าง ดี
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัวและมีนโยบายส่งเสริมให้ สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็งมากขึ้น ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่กำลังมีการจัดทำ ก็มีการกำหนดวิสัยทัศน์ในเรื่องของการที่สังคมจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะมีเป้าหมายไปสู่การสร้างความเข้มแข็งแก่สถาบันครอบครัว จึงมีความรู้สึกยินดีที่สังคมได้มีความตื่นตัวในการที่จะร่วมกันส่งเสริมให้ สถาบันครอบครัวมีบทบาทและมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และมาตรการหรือรูปแบบของการจัดสมัชชาครอบครัว ทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด ก็จะเป็นกลไกสำคัญที่ส่งเสริมให้ครอบครัวมีทั้งบทบาทและความเข้มแข็งได้ อย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในภาวการณ์ปัจจุบันและความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ที่กำลังจะส่งผลต่ออนาคต ต้องยอมรับว่าสถาบันครอบครัวได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงทั้งในทาง เศรษฐกิจ สังคม หลายรูปแบบ หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของเด็กที่อยู่ในครอบครัว ไปจนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากสังคมที่กำลังปรับตัวไปเป็นสังคมผู้สูงอายุ หรือจากการที่สังคมกำลังเปลี่ยนแปลงจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมืองมากขึ้น โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ปรับจากระบบเศรษฐกิจที่อยู่ในภาคการเกษตร หรือภาคชนบทเข้ามาสู่ภาคอุตสาหกรรมบริการมากยิ่งขึ้น เหล่านี้เป็นต้น ไม่นับรวมถึงความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบในเชิงสังคมและวัฒนธรรมที่มีหลาย ปัจจัย ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้นในเรื่องของสถาบันครอบครัว ซึ่งเชื่อว่าทุกคนที่ได้ร่วมระดมความคิดเห็น คงจะได้มีความซึมซับในเรื่องความสลับซับซ้อนของปัจจัยต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ และทำให้การนำข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อที่จะนำไปสู่การดำเนินนโยบายหรือการออกมาตรการนั้นมีความครบถ้วน รอบด้าน หรือมีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
" จากข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ หลายเรื่องจะเห็นได้ชัดเจนถึงการพูดถึงกลุ่มเป้าหมายที่นับวันจะมีความสำคัญ มากยิ่งขึ้น เช่น เครือข่ายครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว กรณีเด็กพิการหรือผู้ด้อยโอกาส ไปจนถึงในเรื่องปัญหาความปลอดภัย หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกของครอบครัว ซึ่งประเด็นที่มีการนำเสนอนั้นยังได้ระบุถึงการใช้กลไกที่จะเข้ามาช่วยกันทำ งาน โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะต้องมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่จะมีความใกล้ชิดกับสถาบันครอบครัวและฐานรากของ สังคมอย่างแท้จริง ซึ่งในเรื่องนี้รัฐบาลและคณะกรรมการที่ทำงานทางด้านนี้พร้อมที่จะรับไปเพื่อ นำไปกำหนดแนวทางที่เหมาะสม และหากมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงกลไกหรือกฎระเบียบใด ๆ ที่จะเอื้อต่อการทำงานร่วมกันกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ เราก็พร้อมที่จะดำเนินการไปในทิศทางนี้" นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายก รัฐมนตรีกล่าวถึงหนึ่งในข้อเสนอที่ได้ระบุชัดเจนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจาก อิทธิพลของสื่อ และความจำเป็นที่จะต้องมีสื่อที่สร้างสรรค์และปลอดภัย ซึ่งจะเป็นตัวที่ส่งผลให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง สามารถที่จะฟันฝ่าปัญหาหรือสิ่งท้าทายที่เกิดขึ้นในโลกในปัจจุบัน และในอนาคตได้ ว่า เป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องนำไปประกอบการพิจารณาในเรื่องแผนการปฏิรูปสื่อ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปหรือแผนปรองดองสมานฉันท์ ต่อไป โดยทั้งหมดนี้ขอยืนยันถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะนำเอาข้อเสนอและความคิด ทั้งหลายไปดำเนินการขับเคลื่อนและผลักดันให้เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ในการ สร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัวต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว ในทุกมิติของการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ สังคมหรือการเมือง รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งในการที่จะส่งเสริมเรื่องความเข้มแข็งของสถาบันครอบ ครัวและส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยในเรื่องแนวทางของการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากความเข้มแข็งของสถาบันครอบ ครัวที่จะสามารถส่งเสริมได้ เพื่อเป็นอีกพลังสำคัญในการที่จะบรรลุเป้าหมายของแผนปรองดอง นอกจากนั้น ทิศทางในอนาคตที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันในเรื่องการสร้างระบบสวัสดิการ จะเป็นแนวทางสำคัญที่จะเป็นหลักประกันที่ดี ที่จะทำให้ครอบครัวหรือสมาชิกของครอบครัวได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงเป็นธรรม และสามารถที่จะแก้ปัญหาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ซึ่งเป็นข้อจำกัดอยู่ในหลายครอบครัว ทั้งนี้ การพัฒนาระบบสวัสดิการดังกล่าวต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและข้อจำกัดที่เกี่ยว ข้องกับงบประมาณ ซึ่งการที่จะมีความเป็นไปได้มากที่สุดนั้นทุกฝ่ายจะต้องมีส่วนร่วมและมีส่วน รับผิดชอบ จึงขอให้ผู้ที่ทำงานด้านนี้ได้ให้การสนับสนุนทิศทางการพัฒนาระบบสวัสดิการ ดังกล่าว เพื่อเป็นการช่วยสร้างหลักประกันที่ดีสำหรับครอบครัวต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทิศทางที่สำคัญที่รัฐบาลกำลังดำเนินการผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสวัสดิการหรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเข้าไปมีส่วนในการส่งเสริมสนับสนุน จะต้องช่วยกันผลักดันโดยต้องมีความระมัดระวังไม่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ระหว่างสมาชิกครอบครัวหรือในสถาบันครอบครัวกันเองนั้น จะมีการยกความรับผิดชอบมาสู่องค์กรภายนอก เพราะแทนที่จะทำให้เกิดความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น อาจจะกลับกลายไปสู่การบั่นทอนสิ่งที่เป็นความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว และอาจจะนำไปสร้างปัญหาใหม่ ๆ ขึ้นมา เพราะฉะนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนในภาพรวม ได้ตระหนักถึงความสำคัญและศักยภาพของสถาบันครอบครัว ในการที่จะดูแลประชาชนด้วยกันให้มีชีวิตความเป็นอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่ไปกับการดำเนินการขององค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ
http://www.thaireform.in.th/component/content/article/115-2010-05-10-05-11-38/1901-5---2553.htmlจากนั้น ผู้แทนสมัชชาครอบครัวแห่งชาติ กล่าวข้อเสนอของสมัชชาครอบครัวแห่งชาติ ประจำปี 2553 ต่อนายกรัฐมนตรี
โอกาส นี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวรับเจตนารมณ์และข้อเสนอของสมัชชาครอบครัว ประจำปี 2553 สรุปสาระสำคัญว่า การจัดประชุมสมัชชาครอบครัวระดับชาติหรือระดับจังหวัด มีเจตนารมณ์เพื่อให้เกิดการระดมความคิดเห็นและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่าง สร้างสรรค์ เพื่อจะนำไปสู่การกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแนวทางในการส่งเสริม ประสานงานของสถาบันครอบครัว ซึ่งทุกวันนี้เชื่อมั่นว่าทุกคนในที่นี้ตระหนักอย่างดีว่า การนำพาสังคมไปสู่ความสงบสุข ความเสมอภาค ความเป็นธรรม การให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถาบันครอบครัวหากเป็นหน่วยที่มีความเข้มแข็งแล้ว จะเป็นเกราะป้องกันปัญหานานาชนิดในระดับของสังคมและประเทศชาติได้เป็นอย่าง ดี
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัวและมีนโยบายส่งเสริมให้ สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็งมากขึ้น ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่กำลังมีการจัดทำ ก็มีการกำหนดวิสัยทัศน์ในเรื่องของการที่สังคมจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะมีเป้าหมายไปสู่การสร้างความเข้มแข็งแก่สถาบันครอบครัว จึงมีความรู้สึกยินดีที่สังคมได้มีความตื่นตัวในการที่จะร่วมกันส่งเสริมให้ สถาบันครอบครัวมีบทบาทและมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น และมาตรการหรือรูปแบบของการจัดสมัชชาครอบครัว ทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด ก็จะเป็นกลไกสำคัญที่ส่งเสริมให้ครอบครัวมีทั้งบทบาทและความเข้มแข็งได้ อย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในภาวการณ์ปัจจุบันและความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น ที่กำลังจะส่งผลต่ออนาคต ต้องยอมรับว่าสถาบันครอบครัวได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงทั้งในทาง เศรษฐกิจ สังคม หลายรูปแบบ หลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของเด็กที่อยู่ในครอบครัว ไปจนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากสังคมที่กำลังปรับตัวไปเป็นสังคมผู้สูงอายุ หรือจากการที่สังคมกำลังเปลี่ยนแปลงจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมืองมากขึ้น โครงสร้างทางเศรษฐกิจที่ปรับจากระบบเศรษฐกิจที่อยู่ในภาคการเกษตร หรือภาคชนบทเข้ามาสู่ภาคอุตสาหกรรมบริการมากยิ่งขึ้น เหล่านี้เป็นต้น ไม่นับรวมถึงความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบในเชิงสังคมและวัฒนธรรมที่มีหลาย ปัจจัย ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหามากยิ่งขึ้นในเรื่องของสถาบันครอบครัว ซึ่งเชื่อว่าทุกคนที่ได้ร่วมระดมความคิดเห็น คงจะได้มีความซึมซับในเรื่องความสลับซับซ้อนของปัจจัยต่าง ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ และทำให้การนำข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อที่จะนำไปสู่การดำเนินนโยบายหรือการออกมาตรการนั้นมีความครบถ้วน รอบด้าน หรือมีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
" จากข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ หลายเรื่องจะเห็นได้ชัดเจนถึงการพูดถึงกลุ่มเป้าหมายที่นับวันจะมีความสำคัญ มากยิ่งขึ้น เช่น เครือข่ายครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว กรณีเด็กพิการหรือผู้ด้อยโอกาส ไปจนถึงในเรื่องปัญหาความปลอดภัย หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกของครอบครัว ซึ่งประเด็นที่มีการนำเสนอนั้นยังได้ระบุถึงการใช้กลไกที่จะเข้ามาช่วยกันทำ งาน โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะต้องมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในการเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่จะมีความใกล้ชิดกับสถาบันครอบครัวและฐานรากของ สังคมอย่างแท้จริง ซึ่งในเรื่องนี้รัฐบาลและคณะกรรมการที่ทำงานทางด้านนี้พร้อมที่จะรับไปเพื่อ นำไปกำหนดแนวทางที่เหมาะสม และหากมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงกลไกหรือกฎระเบียบใด ๆ ที่จะเอื้อต่อการทำงานร่วมกันกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ เราก็พร้อมที่จะดำเนินการไปในทิศทางนี้" นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายก รัฐมนตรีกล่าวถึงหนึ่งในข้อเสนอที่ได้ระบุชัดเจนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจาก อิทธิพลของสื่อ และความจำเป็นที่จะต้องมีสื่อที่สร้างสรรค์และปลอดภัย ซึ่งจะเป็นตัวที่ส่งผลให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง สามารถที่จะฟันฝ่าปัญหาหรือสิ่งท้าทายที่เกิดขึ้นในโลกในปัจจุบัน และในอนาคตได้ ว่า เป็นส่วนหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องนำไปประกอบการพิจารณาในเรื่องแผนการปฏิรูปสื่อ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปหรือแผนปรองดองสมานฉันท์ ต่อไป โดยทั้งหมดนี้ขอยืนยันถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะนำเอาข้อเสนอและความคิด ทั้งหลายไปดำเนินการขับเคลื่อนและผลักดันให้เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ในการ สร้างความเข้มแข็งให้แก่สถาบันครอบครัวต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว ในทุกมิติของการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินนโยบายทางด้านเศรษฐกิจ สังคมหรือการเมือง รัฐบาลพยายามอย่างยิ่งในการที่จะส่งเสริมเรื่องความเข้มแข็งของสถาบันครอบ ครัวและส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยในเรื่องแนวทางของการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากความเข้มแข็งของสถาบันครอบ ครัวที่จะสามารถส่งเสริมได้ เพื่อเป็นอีกพลังสำคัญในการที่จะบรรลุเป้าหมายของแผนปรองดอง นอกจากนั้น ทิศทางในอนาคตที่รัฐบาลกำลังเร่งผลักดันในเรื่องการสร้างระบบสวัสดิการ จะเป็นแนวทางสำคัญที่จะเป็นหลักประกันที่ดี ที่จะทำให้ครอบครัวหรือสมาชิกของครอบครัวได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงเป็นธรรม และสามารถที่จะแก้ปัญหาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ซึ่งเป็นข้อจำกัดอยู่ในหลายครอบครัว ทั้งนี้ การพัฒนาระบบสวัสดิการดังกล่าวต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและข้อจำกัดที่เกี่ยว ข้องกับงบประมาณ ซึ่งการที่จะมีความเป็นไปได้มากที่สุดนั้นทุกฝ่ายจะต้องมีส่วนร่วมและมีส่วน รับผิดชอบ จึงขอให้ผู้ที่ทำงานด้านนี้ได้ให้การสนับสนุนทิศทางการพัฒนาระบบสวัสดิการ ดังกล่าว เพื่อเป็นการช่วยสร้างหลักประกันที่ดีสำหรับครอบครัวต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทิศทางที่สำคัญที่รัฐบาลกำลังดำเนินการผลักดัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสวัสดิการหรือการแก้ไขปัญหาเฉพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องเข้าไปมีส่วนในการส่งเสริมสนับสนุน จะต้องช่วยกันผลักดันโดยต้องมีความระมัดระวังไม่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ระหว่างสมาชิกครอบครัวหรือในสถาบันครอบครัวกันเองนั้น จะมีการยกความรับผิดชอบมาสู่องค์กรภายนอก เพราะแทนที่จะทำให้เกิดความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น อาจจะกลับกลายไปสู่การบั่นทอนสิ่งที่เป็นความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว และอาจจะนำไปสร้างปัญหาใหม่ ๆ ขึ้นมา เพราะฉะนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนในภาพรวม ได้ตระหนักถึงความสำคัญและศักยภาพของสถาบันครอบครัว ในการที่จะดูแลประชาชนด้วยกันให้มีชีวิตความเป็นอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่ไปกับการดำเนินการขององค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.thaifreedompress.blogspot.com/
http://sunblog1951.blogspot.com/ sunday
http://blogpwd.blogspot.com/ pwd9
http://ktblog1951.blogspot.com/ pwday
http://newsblog9.blogspot.com/ news
http://bloghealth99.blogspot.com/ health
http://labour9.blogspot.com/ labour
http://www.media4democracy.com/th/
http://www.youngtelecom.org/
http://www.logex.kmutt.ac.th/
http://www.mict4u.net/thai/
http://www.chula.ac.th/visitors/thai/calendar.htm
http://www.agkmstou.com/2008/index.php
http://www.baanjomyut.com/library/lotus/index.html
http://www.asianbarometer.org/newenglish/introduction/default.htm
http://www.isriya.com/node/2809
/wordcamp-bangkok-2009-pool-party
C:\Documents and Settings\user\My Documents\ไฟล์ที่ได้รับของฉัน\issarachon1101.wma
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=hiansoon
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น